วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
何となく2
ถามเซนเซว่าคำนี้แปลว่าอะไร เซนเซ ก็บอกว่าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร แต่ใช้ในสถานการณ์ที่ ประมาณว่า “บอกไม่ถูก ว่ายังไง”
วันนี้ลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทเกี่ยวกับคำว่า何となく
มีบทความหนึ่งเขียนไว้ประมาณว่า คนส่วนใหญ่มักจะอธิบายคำว่า何となくในทำนองที่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลหรือว่าไม่มีความหมาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ทุกการกระทำของมนุษย์ล้วนมีเหตุผลหรือความตั้งใจแฝงอยู่ แต่ถูกเหมารวมไปอยู่กับคำว่า何となくแทน เช่น
「今日は暇だったので部屋の掃除をした」วิธีการพูดแบบนี้สามารถเปลี่ยนไปพูดอีกแบบหนึ่งได้ คือ
「今日は何となく部屋の掃除をした」
จะเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายอย่างชัดแจ้งว่าทำไมถึงทำความสะอาดห้อง ก็ใช้ 何となくพูดแทนเหตุผลนั้นไปเลย
http://homepage1.nifty.com/vangal/column/nazobun_006.html
เมื่อลองเข้าไปดูอีกเวบไซต์นึง http://detail.chiebukuro.yahoo.co.jp/qa/question_detail/q1212574317
มีคนตั้งคำถามว่า何となくถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะใช้คำว่าอะไร
มีคนเข้ามาตอบกระทู้ดังกล่าวด้วยการยกประโยคตัวอย่างที่ว่า
あなたの言いたいことは何となく分かります。
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ = I’ vaguely got what you’d like to say. เขาบอกว่า受験英語用であれば100点満点ですが実際の会話ではどうかと思います。แสดงว่าในการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษเขาจะไม่พูดแบบนี้กัน ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ ทางที่ดีที่สุดคือต้องสังเกตจากบริบทว่าในสถานการณ์นั้นหมายความว่าอย่างไร
แต่ถ้าเป็นภาษาไทย คิดว่า あなたの言いたいことは何となく分かります。ก็น่าจะใช้ในสถานการณ์ที่เราต้องการบอกอีกฝ่ายว่า อย่างไรก็ดี เราเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก
และถ้าเปิดหาความหมายจากพจนานุกรม
ภาษาไทย แปลว่า โดยไม่รู้สาเหตุ
ส่วนภาษาอังกฤษ จะแปลว่า for some reason or another
เมื่อกี๊ลองเปิดเข้าไปอ่านบล็อกของตัวเองที่เคยเขียนตั้งคำถามไว้กับ何となく(แต่ก็ได้หาคำตอบ 555) มีเพื่อนสามคนช่วยมาเขียนให้คำแนะนำไว้ ต้องขอบคุณมากๆ เลย แสดงว่า何となく分かれるように ก็น่าจะแปลอย่างที่ฝนบอกว่า พยายามให้เข้าใจในระดับหนึ่ง
คิดว่า何となくน่าจะเป็นคำที่ใช้หลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุผลโดยตรง นัยว่าเป็นการกล่าวโดยสรุป ทำให้ไม่ยุ่งยาก หรือว่าตอนนั้นผู้พูดเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเหตุผลของตนเองอย่างไรดี อาจจะฟังดูกำกวม แต่ถ้าฝึกสังเกตจากบริบทบ่อย คิดว่าน่าจะเข้าใจได้จากสถานการณ์ในตอนนั้น
ปล. เกิดนึกอะไรมาอัพบล็อก เอาตอนนี้เนี่ย - -”
何となく明日の朝までにポートフォリオを書き終わらなければならないんだね。
วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553
ประสบการณ์
หายจากการเขียนบล็อกไปนาน..และก็ไม่ได้แวะเข้าไปอ่านบล็อกเพื่อน
จำได้มั้ย?
เราเคยบอกเพื่อนๆ ไว้ว่า เป้าหมายของการเรียนวิชานี้ของเราคือ
ตอนนั้นเราเองก็อธิบายไม่ถูก เลิกเรียนวันนั้นก็คุยกับฝน และได้คำตอบแบบ 具体的 ว่า
"ระดับที่ทำทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอกับคนญี่ปุ่น"
วันที่พรีเซนต์หัวข้อเราบอกเพื่อนๆ ไว้ว่า เราจะบรรลุเป้าหมายนั้นด้วยการไปทำงานพิเศษที่
ร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนของเพื่อนเซนเซอีกที เซนเซพาเราไปกินอาหารที่ร้านนี้และก็คุยกับเพื่อนๆ
หลังจากนั้นวันที่ 4 ม.ค. 53 เราก็ได้รับทราบข่าวดีจากเซนเซว่า
วันที่ 8 ก็ไปร้านขายของที่ระลึกที่ว่ากับเซนเซ
ตื่นเต้น..ได้ไปบ้านคนญี่ปุ่นด้วยล่ะ 555
บ้านเซนเซอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แถวๆ สถานีพร้อมพงษ์แต่ว่าเข้าไปสลับซับซ้อนมาก เลยจำไม่ได้ว่า
ก่อนเข้าบ้านเซนเซ ได้พูดว่า おじゃまします。เป็นครั้งเดียวที่รู้สึกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ถูกต้อง
มีอยู่เรื่องนึงเราจำได้สนิทใจเลย ไม่รู้อยู่ดีๆ ไปคุยกันเรื่องสงครามโลกครั้งที่สองได้ยังไง
เซนเซเล่าให้ฟังว่า ลูกของเซนเซเรียนอยู่โรงเรียนนานชาติที่เมืองไทย มีอยู่วันนึง ลูกเซนเซกลับมา
ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความจริงแล้ว เราตั้งใจจะมาเขียนเรื่องที่ไปทำงานที่ร้านขายของที่ระลึกนี่นา...
เมื่อวานเป็นวันที่ 4 แล้วที่เราไปทำงานที่ร้านขายของที่ระลึก
ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ และก็พบเจอปัญหามากมาย
หรืออย่างอยากจะบอกว่าฝากของได้นะคะ เมื่อวันแรกเราพูดกับลูกค้ารุ่นคุณยายว่า
ตลกดี เราพยายามคุยกับลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำให้เค้ารู้ว่า หนูพอพูดได้บ้างนะคะ
ที่แย่ที่สุด คือเรื่องที่เจอเมื่อวาน พี่ที่ร้านอีกคนออกไปคีย์ข้อมูลสินค้า เราก็เลยต้องเฝ้าร้านคนเดียว
เลยพูดภาษาญี่ปุ่นแบบงงๆ โง่ๆ ไปว่า いい匂いが出る เค้าก็หัวเราะออกมานิดนึง..
車の中に使えるだってแล้วสองคนนั้นก็หัวเราะตาม หัวเราะกันอยู่นานมาก
วันนี้ทำการบ้าน志望理由書 และก็เขียนบล็อกเสร็จ
พรุ่งนี้ค่อยลุย
..หึๆ จะไม่ให้ใครมาทำแบบนั้นกับเราได้อีกแล้ว คราวนี้ล่ะ เราจะหาข้อมูลเกี่ยวกับคำหรือ
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553
相槌=あいづち
...แหะๆๆ ยังเลย ไม่รู้จะเขียนอะไร ช่วงปิดตอนปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่รู้เอาเวลาไปทำอะไรหมด !@#$%^&*
ประจวบเหมาะ - วันนี้ได้เข้าไปท่องเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นเรื่อง あいづち โดยบังเอิญ จากการที่ต้องทำงานแปล(ขีดเส้นใต้)วิชา Reading ไปเจอคำว่า "อือ" เข้า เอาแล้วไง..คนญี่ปุ่นเค้าพูดว่า "อือ" ยังไงกันนะไม่รู้จะเริ่มต้นหาคำนี้ยังไงดี เลยพิมพ์คำว่า あいづちเข้าไปในกูเกิ้ล..ไม่รู้คิดได้ยังไง 555(นั่นสิ) ก็เลยได้ไปเจอกับเวบไซต์นี้เข้า www.ma-support.co.jp/backnumber/20080709/
เค้าขึ้นหัวไว้ว่า あなたの相槌は、相手を不快にさせていませんか?เห็นหัวแบบนี้ทำให้นึกเรื่องของตัวเองตอนที่ไปเจอเซนเซกับเพื่อนๆ ของเซนเซเป็นครั้งแรก เวลาที่ฟังพวกท่านคุยกัน เราได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก และพูดว่า はい、はい และก็เผลอทำหน้างงๆ ออกไปเวลาไม่เข้าใจ เซนเซก็จะหันมาถามว่า เข้าใจมั้ย? และก็จะพยายามอธิบายให้ฟังใหม่ด้วยภาษาที่คนที่เพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นก็น่าจะเข้าใจ (จริงๆ นะ)
ประเด็นคือ..หลังจากแลกเมลล์กันวันนั้น เซนเซก็บอกว่า จะรอเมลล์นะ แล้วเราก็ส่งเมลล์ไปขอบพระคุณที่เซนเซกรุณาให้คำปรึกษาและก็..แหะๆ ใจดีเลี้ยงอาหารเราด้วย ในเมลล์ที่เซนเซตอบกลับมา เซนเซพูดถึงเรื่องการใช้ あいづちไว้ว่า
まずは、あいづちの日本語が使えると便利かもしれないですね。
へぇ~とか そうなんですか~ そうなんですか?
えーーー うそ~ ほんとですか~?など
こういうの結構大事ですよね。
ตอนคุยกันก็รู้สึกว่า เซนเซจะพูดคำว่า そうなんですか~ そうなんですか?และก็ ほんとですか~บ่อยมาก ว่าจะลองใช้ดูเหมือนกัน..แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแค่ฟังให้เข้าใจว่าเค้าพูดอะไรกันอยู่ก็ลำบากแล้ว ถ้าต้องมาคอยหาจังหวะใส่ あいづちเข้าไปอีกล่ะก็..หึๆๆ
ใช่..เมื่อกี๊เรากำลังคิดแบบนี้อยู่..แต่อยู่ดีๆ เรื่องที่อาจารย์กนกวรรณแนะนำไปเมื่อวันที่発表เกี่ยวกับหัวข้อของตัวเองก็ลอยฟิ้วววว เข้ามาในสมอง(อีกครั้ง) อะไรสักอย่าง..จำเป็นคำที่ถูกต้องเป๊ะๆ ไม่ได้แล้ว เกี่ยวกับการ imagineถึงการสนทนากับคนญี่ปุ่น..
ใช่แล้ว - ต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องสบายๆ อย่าไปกลัว อย่าไปกลัว 555 ทำมันทั้งสองอย่างเลย ทั้งพยายามตั้งใจฟังให้เข้าใจกับใช้ あいづち ไปด้วย
อ่าว..แล้วประเด็นเรื่องเวบไซต์ที่เข้าไปท่องล่ะ? - แหะๆ เกือบลืมแน่ะ พอลองอ่านดู เหมือนจะเป็น あいづち ที่ค่อนข้างเป็นภาษาทางการ สุภาพ ใช้ในวงธุรกิจ แต่เราว่าดีนะ เค้าช่วยแบ่งประเภทให้ด้วย อย่างเช่น
☆同調のフレーズ
「そうですね」「私もそう思います」「その通りです」
☆驚き・感嘆のフレーズ
「え?本当ですか?」「素晴らしいですね!」「さすがですね!」
☆疑問のフレーズ
「それはいつですか?」「どういうことですか?」
☆展開のフレーズ
「それから先はどうなったんですか?」「例えばどんなことですか?」
★相手を不快にさせてしまうNGフレーズ ←(เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า NG =no good)
「ていうか」「でも」「だけど」「いえ」「そんなことないですよ」「だから?」
「それは違います」「そうは思いませんけど」
เค้าบอกว่า表現ที่ negativeอย่างด้านบน(ที่เป็นดาวสีทึบ)จะไปทำลาย 相手の“話そう”という気ล่ะ
เราขอยกข้อความเค้ามาเลยดีกว่า เพราะถ้าเราแปลเองอาจจะ..เอ่อ..มั่ว
「表情豊かに相槌を打ちながら話を聴くことは、話し手に“話が伝わっている”という安心感を与えるとともに、相手の話を発展させる大切な要素です。」